|
กระทู้ ID [148] : 30 เรื่องเล่าผี จาก “กระทู้ผีพันทิป” รวมฮิตตั้งแต่ปี 53 – ปัจจุบัน https://www.sayongsquare.com/archives/1435 3. ประสบการณ์ “โดนของ” ที่จำต้องจำไปทั้งชีวิต ผู้ตั้งหัวข้อ : สมาชิกเลขลำดับ 2601631 หัวข้อจากปี : 2558 เรื่องย่อ…. นี่เป็นหัวข้อผีพันทิปที่คนเล่าเรื่องการันตีหนักแน่นว่า “เป็นความจริง” เมื่อสมาชิกพันทิปรายหนึ่งออกมาเล่าถึงประสบการณ์กรรมหนัก ที่บิดาถูกคุณไสย์มนต์ดำทำลายชีวิตกระทั่งครอบครัวที่ต้องมีความสำราญทลายลงต่อหน้าต่อตา โดยเพื่อนผู้ร่วมการทำงานเก่า แม้ผู้ใดเคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบงี้มาบ้าง คงจะมีอารมณ์แล้วก็คิดภาพตามได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ…ประเด็นนี้เคยได้ออนแอร์รายการเรื่องผีแล้วก็บรรเทาบาปมีชื่อเสียงของประเทศไทยมาแล้ว ครอบครัวของพวกเราอาศัยอยู่กันที่จังหวัดหนึ่งใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ บิดาของพ้อยท่านปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจ้ะ เรียกว่ามีขั้นที่สูงอย่างยิ่งจริงๆ เป็นบุคคลที่มีน่าตา เป็นที่รู้จักเกียรติศักดิ์ท่านเป็นผู้ที่ขยันทำงานมากกล่าวได้ว่างานไม่เสร็จบิดาก็จะไม่กลับ ไม่พัก ไม่ว่าจะเสาร์อาทิเช่นตหยุดราชการอะไรก็ตามบิดาก็จะไปดำเนินการเสมอ ท่านเป็นคนแบบงี้มานานมาแล้ว จนถึงบางทีเราก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าเพราะเหตุใดบิดาไม่หยุดงานแล้วไปท่องเที่ยวกับครอบครัวบ้าง แม้กระนั้นก็รู้เรื่องจ้ะ ที่ท่านทำก็เพราะว่าครอบครัว ด้วยเหตุว่ารายได้หลักของครอบครัวมาจากบิดาผู้เดียว ท่านไต่เต้าจากตำแหน่งน้อยๆขึ้นมาเป็นระดับที่ถือว่าสูงได้ เเละท่านไม่เคยหลอกลวงเงินแผ่นดินเลยแม้กระทั้งบาทเดียว เป็นพวกเรากระหยิ่มใจมากมายที่มีบิดาที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตั้งแต่พวกเราเกิดขึ้นมาจนกระทั่งตอนนี้พวกเราอายุ18ปีแล้ว พวกเรายังไม่เคยมองเห็นบิดาทำชั่วเลยแม้กระทั้งครั้งเดียว ถ้าเกิดไม่นับตบยุง5555555555 เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 โน่นเป็นปีที่ผ่านมานี่เองจ้ะ ครอบครัวพวกเราก็ดำเนินชีวิตดังเดิมธรรมดาทุกเมื่อเชื่อวันจนถึงวันนึง คุณพ่อและก็คุณแม่พวกเรากลับไปอยู่บ้านที่ชนบท ก็ไม่มีไรจ้ะ ทุกๆอย่างราวกับจะธรรมดา จนตราบเท่าเย็นวันนั้น คุณยายพวกเรามองหน้าบิดาพวกเรา และจากนั้นก็บอกขึ้นมาเฉยๆว่า "เป็นไรรึเปล่าลูกเพราะเหตุใดหน้าซีดจัง ป่วยหนักรึเปล่า" แล้วก็คงจะด้วยความไม่สบายใจของท่านมั้งค่ะ ภายหลังจากกลับตจว. ก็เลยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย แต่ว่าจริงๆบิดาก็ตรวจร่างกายรายปีอยู่เเล้วนั่นแหละ บวกกับบิดาดูตนเองว่าตอนอุจจาระมันมีสีคล้ำๆปวดหลังเสมอๆแม่พูดว่าบิดาพูดมากว่าที่นอนมีไรรึเปล่านอนมิได้เลยเจ็บไปหมด เสมือนมีเข็มมาทิ่มแทง แล้วทีนี้คือบิดาก็มิได้นอนเลยจริงๆ ภายหลังจากไปตรวจ มันก็มีนัดวันส่องกล้อง ที่ส่องเข้าไปในปากบิดาพวกเราก็ไปส่องเป็นพวกเราเห็นอกเห็นใจบิดามากมาย บิดาบอกเจ็บมากมาย เจ็บท้อง ปวดมากมายกแล้วบิดาก็ร้องมันเป็นภาพที่แย่มาก พวกเราร้องตาม เห็นอกเห็นใจบิดา ได้แต่ว่ากล่าวว่ามันอาจได้ผลสำเร็จใกล้กันประเดี๋ยวก็หาย มาตรวจก็ดีแล้วจะได้รับรู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า ลืมบอกไป พ้อยมิได้อยู่กับบิดามารดานะ ออกมาเรียนกทมตั้งแต่มัธยม4สอบทุนจากใต้มาจ้ะ หวังจะช่วยแบ่งภาระ+ต้องการเรียนพิเศษที่ดีๆทำให้ตอนนั้นพวกเรามิได้อยู่กับบิดาเลย ได้ยินเพียงแค่สิ่งที่แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แล้ววันที่ผลตรวจออกก็มาถึง แม่กล่าวว่าพบก้อนเนื้อแต่ว่าโชคดีที่ไม่ใช่เนื้อร้าย แม้กระนั้นก็จะต้องเอาออก และจากนั้นก็นัดหมายวันตัดโน่นนี่ ก่อนที่จะผ่าตัดบิดาก็จำเป็นต้องเข้ามาตรวจจากที่หมอนัดอยู่หลายครั้ง เป็นดูเหมือนจะทุกวันเลยก็ว่าได้ พวกเราเห็นอกเห็นใจบิดามากมาย บิดาเคยกล่าวว่า'ถ้าเกิดทราบว่าเจ็บขนาดนี้ ไม่มาตรวจแล้ว นี่มากี่ครั้งก็เจ็บทุกคราว ถ้าหากไม่มาอาจไม่เจ็บ' โอ้ยยย พวกเรานี่แบบร้องไห้อะ ได้แม้กระนั้นให้กำลังใจบอก'บิดาสู้ๆอย่ากล่าวอย่างงี้ ประเดี๋ยวก็หายแล้ว' ภายหลังจากบิดาผ่าตัดเป็นตัดกระเพาะออกไป 70เปอเซน เป็นมากไม่น้อยเลยทีเดียว บิดารับประทานไรมิได้เลย ก็พากเพียรรับประทาน เป็นซูบผอมมากมาย พวกเรากลับมาในเวลานั้นบิดาก็ดีแล้วขึ้นกว่าเดิมแล้ว แพทย์ให้พักรักษาตัวอยู่บ้านบิดาก็ไม่ยินยอมพัก คิดออกว่าพักได้เพียงแค่เป็นต้นว่าตนึงมั้ง แล้วบิดาก็ไปทำงานต่อ เรียกคนขับมารับ ทุกเมื่อเชื่อวันทนเจ็บ เพื่อไปดำเนินงาน บางคราวก็ทำไม่ไหวเพียงพอถึงที่ดำเนินงานก็ขึ้นไปหอพักไปนอน บอกแล้วว่าบิดาพวกเราเป็นคนขยันขยันเกิ๊นนน พวกเราคิดออกวันนั้นพวกเราอยู่บ้านพวกเราตื่นรุ่งเช้าเพื่อจะไปสอบทุนเพื่อย้ายรร.บิดาพวกเรากำลังเต้นแอโรบิกหน้าทีวี บิดาหันมามองดูพวกเรา แล้วบอกกับพวกเราว่า ‘บิดาเจ็บจังเลยลูก บิดาจะตายแล้ว บิดาเป็นโรคมะเร็งระยะท้ายที่สุด’ เป็นเนื่องจากว่าที่ผ่านมาบิดาก็เคยกล่าวว่าบิดาเป็นโรคมะเร็งแม้กระนั้นพวกเราถามแม่แม่บอกมิได้เป็นบิดาเป็นเพียงแค่เนื้องอกปกติและก็ตัดไปแล้วในเวลานี้เป็นรักษาตัวอยู่ พอเพียงพวกเราได้ยินบิดาพูดยังงั้นพวกเราก็ะจะแบบ ‘เห้ออบิดาคิดมากจริงๆโรคมะเร็งอีกละ สักครู่ก็หาย กล่าวอยู่ได้’ เป็นเนื่องจากว่าพวกเราไม่อยากที่จะให้บิดาคิด พวกเราเลยแบบบอกถ้าเช่นนั้นไป เพราะเหตุว่าพวกเราก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นโรคมะเร็งจริงๆเนื่องจากว่าแม่ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่ จนถึงกระอีกทั้งเวลาผ่านไป 7-8เดือน ลักษณะของบิดาก็ทรุดลง แม่โทรมาบอกพวกเราว่าบิดาเข้ารพ รับประทานไรมิได้มาเกือบจะอาทิเช่นตแล้วรับประทานแล้วคลื่นไส้ออกหมด ผลที่ตามมาไส้พันกัน จำเป็นต้องผ่าตัด ปีนี้บิดาผ่าตัด2ครั้งแล้ว ธรรมดาบิดาพวกเราเป็นคนอ้วน อ้วนมากมาย ผ่ารอบแรกเป็นโคตรผอมบางแล้ว แต่ว่าผ่ารอบนี้เป็นเขารับประทานไรมิได้เลยเว้นแต่ของกินจากทางสายยาง มีสายระโยงระยางสุดกำลังบิดาไปหมด อยู่โรงพยาบาลเกือบจะเดือน อาการเกิดขึ้นอีกเลย รับประทานรวมทั้งอาเจียนออกมาหมด แม่กล่าวว่าเสมือนบิดาจะไปหลายหนแล้ว เป็นแบบมันแย่มากนะโว้ย พวกเรานี่ต้องการกลับไปพบบิดามากมาย เมื่อใดก็ตามแม่โทรมาพวกเราภาวนาเสมอว่าให้มีข่าวดีเกิดขึ้นแม้กระนั้น..ก่อนสอบ1เช่นตแม่โทรมาหาพวกเราบอกให้กลับมามองบิดา พวกเรานี่ช็อกมากมายกลัวไปหมด ไม่กล้าถามคำถามว่ากำเนิดอะไรได้แต่ว่าภาวนาขอให้สิ่งอำนาจสิทธ์ปกป้องบิดา แล้วภาพที่พวกเรามองเห็นตอนพวกเรากลับไปเป็นบิดาแปรไปมากมาย ตัวผอมบาง ร่างกายราวกับหนังหุ้มห่อกระดูก พวกเราจำบิดาเกือบจะมิได้ พวกเราเข้าไปหาเค้า กอดเค้า แล้วพวกเราก็จะต้องรีบวิ่งเข้าห้องอาบน้ำมาร้องไห้ พวกเราเห็นใจบิดา ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้... ตอนเช้าวันนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานนี้คุณยายเอาดวงบิดาไปให้แพทย์แถวบ้านมอง เขาตกอกตกใจ รวมทั้งกล่าวว่า โดนของ ของหนักด้วย มันทำให้รับประทานมิได้เลย เอาตายสิ่งเดียว ของอยู่เบื้องหน้าท้องทางด้านซ้าย หนักมากมาย ให้เอาน้ำมนตร์ไปให้รับประทาน น้าพวกเราก็รีบขับขี่รถจากตจวมาให้แม่พวกเราที่โรงพยาบาล บิดาดื่มน้ำมนต์นั้นได้กลับคืนเดียว ตอนต้นที่ท้องบิดามีรูที่เป็นจากการผ่าตัดเล็กๆแต่ว่าอยู่ๆมันก็ปริกลายเป็นรูใหญ่ทำให้มีน้ำที่เป็นของเสียในท้องไหลออกมา หมอบอกว่าช่างเถอะด้วยเหตุว่าอย่างไรน้ำนั้นจำต้องออกมาอยู่และเลยปลดปล่อยไว้แบบงั้น พวกเราอยู่เฝ้าบิดาได้3วันพวกเราก็จำต้องขึ้นกรุงเทพมหานครไปสอบแล้ว กะว่าสอบเสร็จสักครู่จะกลับมา ก่อนพวกเราไปพวกเราก็กราบเท้าบิดา จุ้บบิดา พวกเราบอกบิดาว่า 'ห้ามเป็นไรไปก่อนนะ ประเดี๋ยวพ้อยขอไปสอบก่อนละสักครู่กลับมา คอยพ้อยเป็นทันตะก่อนนะบิดา' บิดามึงก็อือ ออ บอกรีบไปได้แล้วสักครู่ตกเครื่อง บิดาช่างเถอะหรอก แล้วพวกเราก็ไป ใครกันแน่จะไปทราบว่านั้นจะเป็นคราวสุดท้ายที่พวกเราได้ทำอย่างงั้นกับบิดา.. แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเหตุราวแปลกหลายๆอย่างขึ้น เป็นบิดาพวกเรามีผู้ขับส่วนตัวแล้วพี่เขาเป็นคนดีมากมายเลย บิดาพวกเราเลยรัก และก็สนิทกับพี่เขามากมาย คนขับบิดาก็เล่าให้ฟังว่า พี่เขารู้จักกับคนแก่คนนึงแล้ววันนั้นพี่มึงก็ไปขับขี่รถให้คนแก่คนนั้นแล้วเสมือนทุกๆอย่างมันเรียงร้อยต่อกันอยู่ๆก็คุยกันและก็เล่าที่ดูหมอบิดาพวกเราว่าโดนของให้คนแก่ฟัง เขาก็บอกเนี่ยเขารู้จักแพทย์คนนึงเก่งมากมายเป็นแขก บุตรสาวมึงก็เคยโดนของปางตายเช่นเดียวกัน ดีที่ช่วยได้ทัน มึงบอกไม่ทราบเพราะอะไรถึงรู้สึกต้องการช่วยถึงแม้ว่าจริงๆเอ็งจะไม่ยุ่งก็ได้ มันรู้สึกแบบเอ็งจำเป็นต้องช่วย ตอนเช้าวันต่อทางหมอนัดกับแม่พวกเราที่บ้านทำนองว่าให้ไปดูของที่บ้านในขณะนั้นที่ไปก็มีแม่กับพี่ชายคนโต พอเพียงไปถึง แพทย์เขาก็เดินวนไปๆมาๆเบื้องหน้าบ้าน ครู่หนึ่งเอ็งก็กล่าวขึ้นมาว่าของอยู่ที่ตรงนี้และจากนั้นก็ชี้ไปที่พื้นหน้าบ้านพวกเรา ซึ่งมันมีปูนฉาบอยู่ เขากล่าวว่าให้ขุด ทุกคนแบบมองหน้ากัน ไม่เคยทราบจะเชื่อดีมั้ย แม้กระนั้นก็เอาอย่างที่หมอบอก ไปเอาจอบมาขุด ก็ไม่พบอะไร หมอบอกขุดอีกลึกหน่อย ขุดไปครู่หนึ่ง เห้ยยยย พบว่ะ มันเป็นเสมือนผ้าแบบเศษผ้าเป็นเส้นยาวๆสีแดง มีเส้นผมเป็ดผูกๆที่ฉาบด้วยน้ำตาเทียน มีตะปูประมาน5-6ตัว รวมทั้งที่มันแจ่มแจ้งสุดๆเป็นมีตัวอักษรเขียนอยู่ในนั้นเป็นยันต์ รวมทั้งเขียนว่า ‘ห้ามรับราชการ’ ‘ตาย’ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเหมือนหนังสีดำที่ตัดเป็นรูปตุ๊กตามีรูปปืนยิงที่ศีรษะ ทำนองว่าเอาให้ตายทุกทางเลย ทุกคนอึ้งมากมาย ไม่มีผู้ใดต้องการจะเชื่อสิ่งเกิดขึ้น เขาก็ประกอบพิธีแก้ของ แต่ว่าเค้าพูดว่าแพทย์ที่ทำเนี่ยแก้ได้สิ่งเดียว กันมิได้ โดยเหตุนี้จำเป็นต้องเฉยๆไว้ว่าพวกเราเข้าใจดีแล้ว แพทย์เค้าพูดว่ามันทำมาเมื่อวันที่21มี.ค. 2557 คนใกล้ตัวเป็นคนทำ ทะเลาะกัน เรื่องเงิน คนขับบิดาก็ไปสืบๆมาก็ยังไม่ได้การไรล้นหลาม พอกลับไปที่โรงพยาบาลบิดาพวกเรากำลังนอนอยู่พี่พวกเราอีกคนก็เล่าให้ฟังว่าเนี่ยเวลาที่แม่กับพี่ไปที่นุ้นกัน บิดาบอกเจ็บท้องมากมายในขณะนี้เป็นบิดาพวกเราใส่หน้ากากออกสิเจนอยู่ บิดาเขียนใส่กระดาษว่า ‘บอกแพทย์ให้เอาแม็กออกมาจากท้องบิดาครั้ง’ งงงวยงมันโคตรแบบโอ้ยย จากนั้นตอนค่ำบิดามึงก็อาการดียิ่งขึ้นบิดาก็กล่าวว่าดีจัง สบายท้องแล้วแพทย์คัดแยกออกให้แล้วสินะ ทุกคนก็ได้แม้กระนั้นมองหน้ากัน มีแม้กระนั้นแม่ที่รอคุยกับบิดา ถามนุ้นนี่บิดา เวลานี้บิดาพวกเราเริ่มหลงๆลืมๆอะ จำไรไม่ค่อยได้ เริ่มเพ้อ สุดแต่ละเรื่องที่มึงเพ้อออกมาเป็นเกิดเรื่องงานทั้งหมดเลย ‘ถามคำถามว่าทราบมั้ยว่าปัจจุบันนี้บิดาอยู่ไหน บิดาป่วยหนักนะ บิดาจำเป็นต้องรักษาตัวเองก่อนอย่าไปห่วงเรื่องงาน งานใครๆก็ทำเป็น สักครู่บิดาจำต้องรักษาตัวก่อนและหลังจากนั้นก็ค่อยไปดำเนินงาน พาแม่ท่องเที่ยวสมุทรที่บิดาบอกยังไง’ แม่พวกเราร้องไห้บ่อย เกือบจะครั้งใดก็ตามบอก แม่เชื่อตลอดดว่าบิดาต้องหาย ไม่หรอกจำต้องกล่าวว่าทุกคนมั่นใจว่าบิดาจำเป็นต้องไม่เป็นอะไร โดย เรื่องเล่าผี   วันที่ : 26 ก.พ. 2566 เวลา : 22:47:51 ไอพี:124.120.119.54 แจ้งลบ |